-
จัดงานแต่งงานหน้าฝน มาวางแผนกันเถอะ
จัดงานแต่งงานหน้าฝนอย่างไรให้ราบรื่น รวมข้อควรระวังที่คุณไม่ควรมองข้าม ฤดูฝนอาจไม่ใช่ฤดูกาลยอดนิยมสำหรับการจัดงานแต่งงาน โดยเฉพาะการจัดงานกึ่ง outdoor แต่สำหรับหลายคู่รักที่ต้องการจัดงานในช่วงเวลานี้ด้วยเหตุผลด้านฤกษ์หรือความชอบส่วนตัว ก็สามารถสร้างความทรงจำที่โรแมนติกไม่แพ้ฤดูอื่นได้เช่นกัน หากมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ จัดงานแต่งหน้าฝน อาจจะดูเป็นอุปสรรคในสายตาหลายคน แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง บรรยากาศของฝนโปรยปรายกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติก และเป็นธรรมชาติอย่างน่าแปลกใจ ยิ่งถ้าใช้สถานที่ที่มีความเป็นธรรมชาติ สวนสวยร่มรื่น งานของคุณอาจดูเหมือนหลุดออกมาจากฉากในภาพยนตร์รักเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อให้งานผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ต่อไปนี้คือ ข้อควรระวังและเคล็ดลับสำคัญในการจัดงานแต่งงานหน้าฝน 1. วางแผนสถานที่ให้รัดกุม เลือกสถานที่ที่มีหลังคาและพื้นที่ในร่ม แม้งานจะวางแผนไว้ ว่าอยากจัดงานกลางแจ้ง หรือ จัดงานในสวน ตามการเลือกรูปแบบสถานที่จัดงานที่บ่าวสาวชื่นชอบ ควรมีแผนสำรอง โดยการเลือกสถานที่ที่มีทั้งกลางแจ้ง และอาคารที่มีหลังคาเอาไว้ และควรจะสามารถรองรับแขกได้อย่างเพียงพอ เผื่ออากาศไม่เป็นใจ 2. เตรียมแผน B ไว้เสมอ ฝนฟ้าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นควรวางแผนสำรองในกรณีที่ดูแล้วว่าหลีกเลี่ยงฝนไม่ได้แน่นอน เช่น ย้ายพิธีเข้าสู่พื้นที่ในร่ม หรือจัดเต็นท์ใสที่ยังคงความสวยงาม ควรแจ้งแขกผู้มาร่วมงานล่วงหน้า ให้เตรียมตัวกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงกะทันหัน 3. เตรียมเลือกชุดแต่งงานและรองเท้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เจ้าสาวอาจพิจารณา ชุดที่ไม่ยาวลากพื้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเปียกหรือเปื้อนโคลน และยังทำให้เดินลำบากอีกด้วย รองเท้าควรเป็นแบบที่เดินง่าย ไม่ลื่น และควรเตรียมรองเท้าสำรองในกรณีฉุกเฉิน 4. เตรียมอุปกรณ์กันฝน หรือคุยกับทางสถานที่เพื่อเตรียมการล่วงหน้า บ่าวสาวอาจจะเตรียมร่มสีขาวหรือโปร่งใสสำหรับแขก เพราะนอกจากจะเป็นประโยช์ในการใช้งานแล้ว ยังสามารถให้ความสวยงาม เป็น prop ในการถ่ายภาพโดยไม่รู้ตัว คุยกับทางสถานที่ในกรณีที่อาจจะต้องนำเต๊นท์ หรืออุปกรณ์กันฝนเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อจะได้ไม่วุ่นวายเอาหน้างาน 5. ตรวจเช็คสภาพอากาศล่วงหน้า ใช้แอปพยากรณ์อากาศ เช่น AccuWeather หรือ Windy เพื่อติดตามแนวโน้มฝนในวันงาน จะได้วางแผนได้ทัน การจัดงานแต่งงานในหน้าฝนอาจดูท้าทาย และต้องวางแผนให้พร้อมเสมอ แต่หากมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ความชุ่มฉ่ำของสายฝน ก็สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของความโรแมนติกในวันพิเศษของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร กาเซโบ้ การ์เด้นมีประสบการณ์ในการดูแลบ่าวสาวและรับมือมาแล้วทุกรูปแบบ มั่นใจได้ว่า งานของคุณจะสวยและสมบูรณ์แบบไปด้วยกันอย่างแน่นอนค่ะ
-
วางแผนงานแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวควรทำอะไรบ้าง
วางแผนงานแต่งงาน เป็นเรื่องที่อาจทำให้คุณยุ่งยากและเสียเวลา แต่ถ้ามีการวางแผนเป็นขั้นตอนอย่างดีแล้ว การเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานก็สามารถเป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกได้เช่นกัน วันนี้ กาเซโบ้ การ์เด้น จะมาช่วยวางแผนงานแต่งงานให้กับบ่าวสาวมือใหม่ เพื่อให้การเตรียมตัวของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุดค่ะ วางแผนงานแต่งงาน ขั้นตอนการเตรียมตัว 1. ตั้งงบประมาณไว้ในใจ – การตั้งงบประมาณเอาไว้ล่วงหน้า ทำให้คุณเริ่มต้นได้ว่าจะเลือกสถานที่รูปแบบไหน จำนวนแขกเท่าไหร่ การตกแต่งเป็นยังไง ฯลฯ สามารถช่วยจำกัดขอบเขตการดูแลในเรื่องรายละเอียดอื่นๆต่อไปด้วย 2. ตั้งช่วงเวลาการเตรียมตัว – การเซตวันและเวลาจัดงานเอาไว้ก่อน จะทำให้คุณรู้ว่า มีเวลาในการเตรียมงานมากน้อยเพียงใด หรือในบางครั้งวันที่คุณต้องการเป็นวันมหาฤกษ์ในปีนั้นๆ จะได้มีเวลาในการจองทุกอย่างล่วงหน้าและเตรียมตัวได้พร้อมที่สุด ไม่ต้องเลือกสิ่งที่ไม่ชอบเพียงเพราะยังมีคิวว่าง 3. เลือกสถานที่จัดงาน – สถานที่จัดงานที่เป็นที่นิยมจะคิวเต็มเร็วมาก การที่เราสามารถจองคิวไว้ได้ก่อน จะได้มีเวลาวางแผนในเรื่องอื่นๆต่อไป 4. เตรียมตัวเชิญแขก – เมื่อเราได้สถานที่ และรู้จำนวนแขกที่ต้องการเชิญแล้ว จะได้เตรียมตัวลิสต์รายชื่อแขกที่เราต้องการจะเชิญ เพื่อจะได้รู้ว่าน้อยหรือมากเกินไปกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 5. เตรียมตัวคัดเลือกและจองคิวทีมงานต่างๆ – การที่เราเตรียมตัวล่วงหน้า เราจะมีเวลาในการคัดเลือกทีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ชุดแต่งงาน ทีมตกแต่ง วงดนตรี ฯลฯ เพื่อให้เหมาะสมกับวันพิเศษของคุณจริงๆ 6. วางแผนว่าภายในงานเราจะมีอะไรบ้าง – เมื่อเราเตรียมตัวไว้ก่อน เราจะสามารถเตรียมพร้อมเผื่อขาดเผื่อเหลืออะไรในวันงานได้ เช่น สถานที่มีอะไรหรือไม่มีอะไรให้ ต้องเตรียมอะไรเข้าไปเพิ่มเติม / กิจกรรมภายในงานจะมีอะไรบ้าง / ต้องให้เพื่อนๆหรือญาติๆมาช่วยในส่วนไหนบ้าง เพื่อที่ทั้งบ่าวสาวและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า 7. เริ่มแจกการ์ด – เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างตามด้านบนแล้ว ก็ถึงเวลาแจกการ์ด เพื่อจะได้รู้ว่าแขกที่เราเชิญไปมีใครมาได้หรือไม่ได้บ้าง จะได้มีการเตรียมในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มสำหรับแขกให้พร้อมที่สุด 8. เตรียมกำหนดเวลาในวันงาน – ลำดับการเตรียมตัวในวันงานก็มีความสำคัญ เช่น เราควรจะรู้ว่าต้องใช้เวลาแต่งหน้าแต่งตัวกี่ชั่วโมง / ช่างภาพควรจะมาเมื่อไหร่ / ควรเชิญแขกเวลาไหน ฯลฯ เพื่อในวันงานจะได้ไม่วุ่นวายและฉุกละหุกมากเกินไป 9. เตรียมยิ้มสวยเพื่อรับแขก!! – เมื่อเราวางแผนเตรียมพร้อมมาจนถึงวันงานแล้ว มั่นใจได้เลยว่า ทุกอย่างจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบและราบรื่นที่สุด เตรียมพร้อมมีความสุขกับวันสุดพิเศษอย่างเต็มที่ รู้ขั้นตอนการวางแผนการแต่งงานแบบนี้แล้ว ว่าที่บ่าวสาวทุกท่านก็เตรียมพร้อมสำหรับงานพิเศษของคุณกันได้เลย และถ้ามาจัดงานที่กาเซโบ้ การ์เด้น ไม่ต้องยุ่งยากและกังวลใจแน่นอน เพราะเรามีทีมงานที่พร้อมดูแลงานของคุณให้ออกมาสมบูณณ์แบบที่สุดค่ะ
-
เลือกสถานที่จัดงานแต่งงานอย่างไรให้ลงตัว
การเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆในการวางแผนจัดงานแต่งงาน เพราะสถานที่จัดงานแต่งงานยอดนิยม มักจะถูกจองล่วงหน้ากันข้ามปี ฉะนั้น รู้แบบนี้แล้ว เรามาวางแผนเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานให้ลงตัวกันดีกว่า 1. เลือกรูปแบบสถานที่ที่ต้องการ แล้วเตรียมตัวเดินทางไปดูสถานที่ด้วยตัวเอง สถานที่จัดงานแต่งงาน มีให้เลือกรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถานที่จัดงานแต่งงานในสวน , โรงแรม , ร้านอาหาร , หอประชุม ฯลฯ เราควรคำนึงถึงรูปแบบการจัดงานที่เราต้องการ จำนวนแขก บรรยากาศ รวมถึงการเดินทางสำหรับแขกผู้ร่วมงาน เพื่อให้เหมาะสมและสะดวกสบายกับทุกฝ่ายมากที่สุด และควรเดินทางไปชมสถานที่ด้วยตนเอง เพราะจะการดูจากในภาพอย่างเดียวอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจจะเล็กไป ใหญ่ไป เดินทางลำบาก หรือไม่สวยเท่ารูปถ่ายก็เป็นได้ 2. งบประมาณที่คุณตั้งไว้ เมื่อได้รูปแบบสถานที่ที่ถูกใจแล้ว ต้องลองดูด้วยว่าอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งไว้หรือไม่ นอกจากราคาแพคเกจมาตรฐานของสถานที่แต่ละแห่งแล้ว เราต้องคำนึงด้วยว่าในแพคเกจมีอะไรรวมอยู่แล้วบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง อาหาร การดำเนินการต่างๆ ค่าอาหารเมื่อต้องเพิ่มจำนวนแขก ฯลฯ เพื่อเราจะได้สามารถคำนวณคร่าวๆได้ว่าเพียงพอกับงบประมาณของเราหรือไม่ และให้คุณได้รับในสิ่งที่คุ้มค่าสูงสุด 3.ขนาดของสถานที่เหมาะสมกับจำนวนแขกที่คาดไว้ ความจุของสถานที่ ก็เป็นส่วนสำคัญในการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน ถ้าจำนวนแขกน้อยแต่เลือกสถานที่ใหญ่เกินไป งานก็อาจจะดูโล่งๆเหงาๆ หรือถ้าแขกเยอะ แต่สถานที่จุได้ไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาแออัดมากเกินไป ฉะนั้นบ่าวสาวควรคาดคะเนจำนวนแขกของตนเองให้เรียบร้อย เพื่อจะได้เลือกสถานที่จัดงานได้อย่างเหมาะสม 4.สิ่งที่ได้รับในแพคเกจของสถานที่ สถานที่จัดงานแต่งงานบางแห่งก็รวมอุปกรณ์และสิ่งที่ต้องใช้ในพิธีทุกอย่างไว้แล้ว สถานที่บางแห่งมีให้แต่สถานที่อย่างเดียว บ่าวสาวจะต้องจัดเตรียมสิ่งอื่นๆเข้ามาเพิ่มเติมเอง ฉะนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ได้รับจากสถานที่แต่ละแห่งนั้นมีอะไรบ้าง จะได้เตรียมพร้อมจัดหาล่วงหน้า เพื่อในวันงานทุกอย่างจะได้พร้อมครบถ้วนสมบูรณ์และไม่เกิดปัญหาให้รำคาญใจ 5. หาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่เคยจัดงานจริง ก่อนตัดสินใจเลือกสถานที่ใด ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่เคยใช้บริการสถานที่นัั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวต่างๆ หรือถ้ามีคนที่เคยไปร่วมงานที่สถานที่นั้นๆก็สอบถามเพื่อเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจ จะได้รู้เบื้องต้นว่า สถานที่ที่เราสนใจนั้นมีการบริการเป็นเช่นไร เพราะประสบการณ์การจัดงานจริงของคู่อื่นๆจะเป็นข้อมูลที่แท้จริงที่ช่วยในการตัดสินใจได้มากเลยทีเดียว 6. สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณต้องชอบสถานที่นั้นๆ!! การตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานสำคัญ จะต้องมาจากความรู้สึกของคุณว่า ที่นี่แหล่ะ ใช่เลย!! เพราะถ้าคุณเลือกสถานที่ที่อาจจะไม่ได้ชอบ แต่เลือกเพราะใกล้บ้าน / เพราะราคา / เลือกเพราะคนรอบข้างช่วยตัดสินใจ ฯลฯ วันสำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตอาจจะผิดพลาดไปเพียงเพราะไม่เลือกจากความต้องการของตนเอง ควรเลือกสถานที่ที่ให้ความรู้สึกว่าจะทำให้วันสำคัญของคุณกลายเป็นวันที่พิเศษสุดวันหนึ่งได้จริงๆ เมื่อได้เคล็ดลับในการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานแบบนี้แล้ว คุณจะได้วางแผนการจัดงานของคุณได้อย่างราบรื่น และถ้ามาจัดงานที่กาเซโบ้ การ์เด้น ใน แพคเกจของเรา มีให้ครบถ้วน พร้อมให้บริการเต็มที่อย่างแน่นอนค่ะ
-
รูปแบบอาหารงานแต่งงาน เลือกแบบไหนให้เหมาะสม
รูปแบบอาหารงานแต่งงาน ถือเป็นจุดสำคัญที่บ่าวสาวควรจะต้องเอาใจใส่ เพราะถือเป็นสิ่งที่จะทำให้แขกที่มาร่วมงานได้จดจำและเป็นที่ประทับใจ และเป็นจุดที่จะถูกกล่าวถึงมากที่สุดจุดหนึ่งในงาน บ่าวสาวหลายคน จะมีความกังวลว่าควรจะเลือกอาหารแบบไหน จึงจะเหมาะกับงานของตนเอง วันนี้ กาเซโบ้ การ์เด้นมีข้อแนะนำมาฝากกันค่ะ รูปแบบอาหารหลักๆในงานแต่งงานที่จะเจอกันเป็นประจำคือ โต๊ะจีน บุฟเฟต์ ค็อกเทล เซตเมนู และในยุคสมัยนี้ก็จะมีรูปแบบของ Box set ที่สามารถให้แขกนำกลับบ้านได้ ในกรณีที่ไม่ต้องการรับประทานอาหารร่วมกันในพื้นที่ ซึ่งอาหารแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไป และจำนวนแขก รวมถึงความจุของสถานที่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกรูปแบบอาหารเช่นกัน 1. โต๊ะจีน รูปแบบอาหารประเภทโต๊ะจีน เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในงานแต่งงาน เพราะเป็นรูปแบบที่มีการเสิร์ฟอาหารถึงโต๊ะ แขกที่มาร่วมงานไม่ต้องเดินไปมาเพื่อตักอาหารเอง รูปแบบนี้จึงเหมาะสมกับงานที่มีแขกผู้ใหญ่เยอะ และต้องการความเรียบร้อยภายในงาน ไม่ดูวุ่นวายจนเกินไป ถ้าเลือกรูปแบบอาหารแบบโต๊ะจีน บ่าวสาวควรจะต้องคำนวณแขกที่มาร่วมงานให้ค่อนข้างพอดี และจัดรูปแบบการนั่งโต๊ะของแขกให้เหมาะสม เพราะรูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่คนนั่งที่โต๊ะจะถูกจำกัดไว้ที่ 8-10 ท่าน ฉะนั้น ควรจะจัดแขกที่มาด้วยกันให้นั่งด้วยกันให้ได้มากที่สุด และมีการวางผังการนั่งโต๊ะไว้เป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นจะมีการเปิดนั่งโต๊ะใหม่เองอยู่เรื่อยๆโดยที่โต๊ะที่มีคนนั่งอยู่แล้วยังไม่เต็ม ทำให้โต๊ะอาจจะไม่พอสำหรับแขกที่มาทีหลังเพราะไม่กล้านั่งกับคนที่ไม่รู้จัก และรูปแบบโต๊ะจีนนี้ ทางทีมอาหารมักจะมีโต๊ะที่สามารถเปิดสำรองได้จำกัดด้วยเช่นกัน ฉะนั้นบ่าวสาวควรคำนวณแขกให้ได้พอดีตามจำนวนที่จองกับทางทีมอาหารนั่นเอง 2. บุฟเฟต์ รูปแบบอาหารบุฟเฟต์เป็นรูปแบบที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย และเป็นรูปแบบอาหารที่รสชาติจะถูกปากแขกผู้มาร่วมงานได้ง่าย เพราะบ่าวสาวสามารถเลือกอาหารให้รสชาติหลากหลายได้ รูปแบบบุฟเฟต์อาจจะไม่เหมาะกับงานที่แขกเยอะมาก เพราะจะทำให้งานดูวุ่นวายเพราะแขกจะต้องมีการเดินตักอาหารและบริการตนเอง และไม่สามารถควบคุมปริมาณการตักอาหารของแขกที่มาร่วมงานได้ ฉะนั้น ถ้าบ่าวสาวเลือกรูปแบบอาหารประเภทบุฟเฟต์ ควรจะจองจำนวนแขกเผื่อไปเกินประมาณ 10% ของจำนวนแขกที่เชิญ เพราะจะไม่สามารถควบคุมได้ว่าแขกจะทานมากน้อยเพียงใด การเผื่อจำนวนอาหารเอาไว้ก็จะเป็นการมั่นใจได้ว่าแขกที่มาร่วมงานทีหลังจะได้รับประทานอาหารอร่อยๆร่วมกันอย่างแน่นอน 3. ค็อกเทล รูปแบบอาหารค็อกเทล เป็นรูปแบบอาหารที่จะทำให้งานของคุณดูสวยงามมากยิ่งขึ้น เพราะมักจะมีการตกแต่งซุ้มอาหารต่างๆให้ดูน่ารับประทาน แต่อาหารค็อกเทลจะเป็นรูปแบบที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะนอกจากจำนวนอาหารค็อกเทลที่ต้องคำนึงถึงแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องเพิ่มซุ้มอาหารต่างๆเพื่อให้แขกได้รับประทานอิ่มท้องมากขึ้นด้วย ซึ่งจำนวนซุ้มอาหารที่แนะนำไม่ควรต่ำกว่า 4 ซุ้ม และคำนวณแขกเผื่อเกินไว้ 10% เสมอ รูปแบบอาหารประเภทนี้เหมาะกับงานที่บ่าวสาวคาดว่าแขกอาจจะมาเกินความจุของสถานที่อยู่นิดหน่อย การเลือกจัดงานแบบค็อกเทล ก็จะสามารถเพิ่มพื้นที่ในการจุแขกได้มากขึ้น แต่ไม่เหมาะกับงานที่มีแขกผู้ใหญ่เยอะ เพราะไม่มีโต๊ะให้นั่งเหมือนรูปแบบอาหารอื่นๆ จะเป็นการเดินและยืนรับประทานมากกว่า รูปแบบอาหารนี้ไม่เน้นรับประทานจนอิ่ม เหมาะกับบ่าวสาวสายปาร์ตี้ ที่พร้อมเคลียร์พื้นที่หลังเสร็จพิธีการแล้วฉลองให้สุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆกันต่อไป 4. การเสิร์ฟอาหารเป็นเซต Individual serve และ รูปแบบอาหาร Box set ในยุคสมัยที่เราต้องแยกกันรับประทานอาหารแบบนี้ การเสิร์ฟเป็นเซต หรือการจัด Box set ก็เป็นทางเลือกอีกทางที่ทำให้เลี้ยงอาหารแขกที่มาร่วมงานอย่างสบายใจ การเสิร์ฟเป็นเซตนั้น…
-
ลำดับพิธีงานฉลอง มงคลสมรส
ลำดับพิธีงานฉลอง งานฉลองมงคลสมรส หรืองานเลี้ยง เป็นช่วงเวลาที่ให้ญาติและเพื่อนๆได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ซึ่งจะต่างกับในช่วงเวลาของพิธีหมั้น ซึ่งมักจะมีแต่ญาติผู้ใหญ่และคนสนิทเพราะเป็นงานตามประเพณี ช่วงเวลาของงานเลี้ยงจึงไม่เป็นทางการมากนัก แต่ก็ยังมีลำดับของพิธีเพื่อให้เกิดความราบรื่นในการดำเนินการต่างๆให้เป็นไปอย่างสวยงามเช่นกัน วันนี้ กาเซโบ้ การ์เด้นมีลำดับพิธีการในช่วงงานฉลองมงคลสมรสมาฝากกันค่ะ 1.บ่าวสาวถ่ายรูปกับแขกผู้มีเกียรติก่อนเข้างาน (ช่วงเวลากลางวัน เวลาประมาณ 11.30 น. / ช่วงเวลาเย็น เวลาประมาณ 17.30 น.) เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวจะเป็นผู้ต้อนรับแขกก่อนที่จะเชิญแขกร่วมรับประทานอาหารร่วมกันต่อไป โดยแขกจะได้รับเชิญให้ถ่ายรูปร่วมกันที่บริเวณจุดถ่ายภาพที่ทางบ่าวสาวได้จัดเตรียมไว้ให้ 2. ช่วงรับประทานอาหาร (ช่วงเวลากลางวัน เวลาประมาณ 11.45 น. / ช่วงเวลาเย็น เวลาประมาณ 18.30 น.) บ่าวสาวควรจะระบุช่วงของการเริ่มเสิร์ฟอาหารหรือร่วมรับประทานอาหารให้แขกทราบ เพราะจะต้องทำให้สอดคล้องกับเวลาในช่วงพิธีอื่นๆด้วย เผื่อแขกที่มาร่วมงานจะได้เตรียมตัวเรื่องของการรับประทานอาหารและเข้าใจในเรื่องเวลาของการเสิร์ฟอาหารมาล่วงหน้า 3. พิธีกรกล่าวเปิดงานและเชิญรับชม presentation ((ช่วงเวลากลางวัน เวลาประมาณ 12.15 น. / ช่วงเวลาเย็น เวลาประมาณ 19.00 น.) เมื่อพิธีกรเริ่มขึ้นเวที จะถือว่าเป็นช่วงที่เริ่มพิธีงานฉลองมงคลสมรสอย่างเป็นทางการ โดยส่วนมากพิธีกรจะกล่าวประวัติของคู่บ่าวสาวให้แขกผู้เกียรติได้รู้จักมากขึ้นและเชิญชม presentation โดยในส่วนของ presentation นี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีก็จะทำให้บ่าวสาวมีเวลาเตรียมตัวก่อนเริ่มขึ้นเวทีได้มากขึ้น และความยาวของ presentation ไม่ควรยาวมากเกินไป ควรจะอยู่ในช่วง 5-8 นาที เพื่อดึงความสนใจให้แขกรับชมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 4. เปิดตัวบ่าวสาวและเชิญประธานคล้องมาลัยและกล่าวอวยพร ช่วงเวลาเปิดตัวบ่าวสาว ณ ปัจจุบัน นิยมให้เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวยืนเรียงแถวเพื่อโปรยดอกไม้ เป็นการต้อนรับบ่าวสาวขึ้นเวที ทำให้ช่างภาพได้เก็บภาพที่สวยงามได้อีกด้วย หลังจากนั้น จะเป็นการเชิญประธานในพิธีขึ้นคล้องพวงมาลัยและกล่าวอวยพรให้กับคู่บ่าวสาว หลังจากนั้นอาจจะมีการเชิญท่านประธานท่านต่อไป ญาติผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่ของบ่าวสาวขึ้นร่วมอวยพรบนเวทีได้เช่นกัน 5. สัมภาษณ์คู่บ่าวสาว ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่แขกผู้มาร่วมงานได้รู้เรื่องราวความรักของคู่บ่าวสาวผ่านการสัมภาษณ์ โดยส่วนใหญ่แล้วบ่าวสาวจะมีการพูดคุยกับพิธีกรถึงคำถามที่จะถามบนเวทีก่อน เพื่อป้องกันความตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้น และคู่บ่าวสาวยังใช้ช่วงเวลานี้ในการขอบคุณแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดีทุกท่านอีกด้วย สามารถดูรูปแบบสคริปต์พิธีกรได้ ที่นี่ 6. ช่วงตัดเค้กและโยนดอกไม้ เป็นลำดับพิธีการที่บ่าวสาวจะนำเค้กไปมอบให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักเพื่อแสดงความขอบคุณ โดยในบางครั้งบ่าวสาวอาจจะเปลี่ยนจากการตัดเค้กเป็นรินแชมเปญก็ได้ หลังจากนั้น เจ้าสาวของเราก็จะทำการโยนดอกไม้ให้สาวโสดที่จะเป็นเจ้าสาวคนต่อไป โดยช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานมาก ควรจะมีพื้นที่เพื่อให้เพื่อนๆได้ยื้อแย่งช่อดอกไม้กันได้สะดวก และคนที่ได้รับดอกไม้ก็จะขึ้นอวยพรให้กับบ่าวสาวบนเวทีต่อไป ส่วนใหญ่เมื่อหลังจากจบการโยนดอกไม้แล้ว พิธีกรจะขึ้นกล่าวปิดงาน พิธีการบนเวทีและลำดับงานฉลองมงคลสมรสก็จะจบลงตรงนี้ ลำดับพิธีการงานฉลอง มงคลสมรสนั้นอาจจะดูไม่ยุ่งยาก แต่ต้องมีการประสานงานในหลายส่วน…
-
ทีมรันคิวงานแต่งงานนั้นสำคัญแค่ไหน?
ทีมรันคิวงานแต่งงานคืออะไร และมีความสำคัญยังไงกับงานสำคัญของคุณ วันนี้กาเซโบ้ การ์เด้นจะมาบอกกันค่ะ หลายๆคนมักจะคิดว่า รายละเอียดในงานแต่งงาน บ่าวสาวสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นจะต้องมีคนช่วยดูแลประสานงานในส่วนต่างๆให้ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น บ่าวสาวมีเรื่องที่จะต้องจัดเตรียมทั้งก่อนวันงานและในวันงานมากมาย ถ้าไม่มีคนช่วยดูแลประสานงานหรือส่วนที่เราเรียกว่า “ทีมรันคิว” นั้น ภาระหนักก็จะตกอยู่ที่บ่าวสาว โดยแทนที่บ่าวสาวจะต้อนรับแขกได้อย่างมีความสุข อาจจะทำให้ต้องเครียดในเรื่องต่างๆภายในวันงานโดยไม่จำเป็น งานแต่งงานนั้น เป็นงานที่มีลำดับพิธีการที่ต้องถูกต้องทั้งตามที่บ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่เห็นชอบด้วยกัน การที่มีทีมงานคอยประสานงานให้ ก็จะทำให้ช่วยทำความเข้าใจในส่วนของพิธีการต่างๆได้อย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ให้งานสำคัญของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย การทำงานของทีมรันคิวนั้น จะช่วยทำให้ลำดับของงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเช้าที่จะคอยดูแลตรวจสอบความเรียบร้อย ซักซ้อมทำความเข้าใจกับคู่บ่าวสาวและผู้ใหญ่ที่ต้องร่วมดำเนินพิธีภายในงาน โดยบุคคลสำคัญในการดำเนินงานในช่วงเช้าก็คือ นายพิธี ที่จะคอยกำกับดูแลลำดับพิธีให้เป็นไปตามขั้นตอน รวมถึงช่วยผ่อนคลายความตื่นเต้นและความเครียดให้กับคู่บ่าวสาวที่มักจะกังวลในเรื่องต่างๆกันอยู่เสมอ ในส่วนของช่วงงานฉลองนั้น ทีมรันคิวจะช่วยประสานในส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการประสานกับทางสถานที่ ทีมอาหาร ทีมช่างภาพ ทีมแสงเสียง วงดนตรี พิธีกร เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว ประธานในพิธี ญาติผู้ใหญ่ ฯลฯ เพื่อให้การดำเนินพิธีการในช่วงต่างๆเป็นไปในทางเดียวกัน รวมถึงยังคอยช่วยดูแลความเรียบร้อยของบ่าวสาวทั้งก่อนเริ่มพิธีการและระหว่างพิธีการอีกด้วย งานแต่งงาน ถึงแม้จะเป็นงานที่มีลำดับพิธีที่ค่อนข้างชัดเจน แต่เป็นงานที่ต้องการการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้น การมีทีมงานมืออาชีพในทุกๆด้าน ก็จะทำให้งานของคุณออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ต้องการ กาเซโบ้ การ์เด้น มีทีมงานมืออาชีพคอยดูแลคุณในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นนายพิธีในช่วงงานหมั้น ที่จะช่วยดูแลให้งานของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องตามประเพณี , ทีมรันคิวในช่วงงานฉลอง ที่สามารถช่วยดูแลแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้งานของคุณราบรื่นไม่มีสะดุด และยังมีทีมประสานงานในส่วนต่างๆ ที่จะคอยดูแลในทุกส่วนของงานสำคัญของคุณให้สวยสมบูรณ์อย่างแน่นอน